10 เทคนิคถ่ายภาพท่องเที่ยว
|
|
|
|
10 เทคนิคถ่ายภาพท่องเที่ยว
|
|
|
เมื่อมีการเดินทางท่องเที่ยวกิจกรรมอย่างหนึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักทำร่วมไปด้วยคือ
การบันทึกภาพสถานที่ คน หรือเหตุการณ์ต่างในขณะท่องเที่ยว โดยเฉพาะในยุคของกล้องดิจิตอลเฟื่องฟู
และการถ่ายภาพเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เฉพาะนักถ่ายภาพมืออาชีพ
หรือผู้ที่มีอุปกรณ์ถ่ายภาพราคาแพงถึงจะถ่ายภาพได้ดีอีกต่อไป
เนื่องจากกล้องดิจิตอลที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน
มีการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด กล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ ๆ ความสามารถมากขึ้น และฉลาดขึ้น พร้อมทั้งราคาที่ถูกลง
มีออกมาวางจำหน่ายแทบจะทุกเดือน
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกวันนี้
ทุกครั้งที่เราเดินทางท่องเที่ยวจะเห็นคนถือกล้องกำลังถ่ายภาพในสถานที่แห่งนั้นมากขึ้น
แต่การจะถ่ายให้ได้ภาพถ่ายที่ดีนั่นเป็นคนละเรื่องกับการถ่ายให้ได้เพียงภาพถ่ายกลับมา
เราลองมาดูกันว่ามีเทคนิคใดบ้างที่จะช่วยให้เราได้ภาพถ่ายที่ดีจากการถ่ายภาพในการเดินทางท่องเที่ยวของเรา
|
|
1.รู้จักอุปกรณ์ถ่ายภาพของคุณ
|
|
|
|
ข้อสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ก่อนที่จะถ่ายภาพให้ได้ภาพถ่ายที่ดีคือ
คุณควรจะต้องรู้จักอุปกรณ์ถ่ายภาพของคุณอย่างถ่องแท้
เข้าใจหลักการทำงานเบื้องต้น การตั้งค่าโปรแกรมต่าง
วิธีการปรับตั้งค่าก่อนถ่ายภาพ
และความสามารถของอุปกรณ์ถ่ายภาพของคุณ สิ่งที่จะช่วยคุณได้มากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ
หนังสือคู่มือการใช้งานของอุปกรณ์เหล่านั้น
ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะละเลยหนังสือคู่มือการใช้งานเหล่านี้ ทั้ง ๆ
ที่ในความเป็นจริงแล้วคู่มือการใช้งานนี้แทบจะเป็นคัมภีร์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ถ่ายภาพของคุณให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รวมถึงในคู่มือหลาย ๆ เล่มยังอาจมีข้อมูลเทคนิคการถ่ายภาพที่ดี ๆ
หรือที่คุณลืมไปแล้วบอกอยู่ด้วย
การอ่านคู่มือไม่จำเป็นต้องอ่านทุกหน้าตั้งแต่ต้นจนจบ
เหมือนกับการท่องหนังสือสอบ
และไม่จำเป็นต้องจำให้ได้ทุกหน้า หรือทุกตัวอักษร
เพียงแต่อ่านเฉพาะข้อมูลในส่วนที่สงสัย หรือส่วนที่สำคัญ เช่น
ข้อมูลการใช้เมนูต่าง ๆ ของตัวกล้อง การปรับตั้งค่าต่าง ๆ
การดูแลรักษา รวมถึงการปรับค่า Custom
Function ในกล้องถ่ายภาพหลาย ๆ
รุ่นที่ทำมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับตั้งอุปกรณ์ถ่ายภาพนั้นให้เหมาะสมกับความถนัด
หรือการทำงานของผู้ใช้มากขึ้น
สำหรับผู้ใช้เริ่มต้นอาจจะรู้สึกสับสนกับคำศัพท์ต่าง
ๆ ที่ใช้ในคู่มือบ้าง
แต่ผลิตอุปกรณ์ถ่ายภาพก็ต่างพยามทำให้หนังสือคู่มือการใช้งานของตนอ่านง่ายขึ้น
เช่น การเพิ่มในส่วนของ คู่มือการใช้งานเบื้องต้น หรือ Quick
Start เข้ามาช่วย ลองใช้เวลาว่าง หรืออาจจะเป็นช่วงเวลาขณะเดินทางอ่านคู่มือการใช้งานเหล่านี้
บางครั้งคุณอาจจะพบ Unseen Function ในอุปกรณ์ถ่ายภาพของคุณ
ที่จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทริปนั้นมีรูปถ่ายสวย ๆ
เพิ่มขึ้นมาก็ได้
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรจะทำกับหนังสือคู่มือการใช้งานก็คือ
พยามเก็บหนังสือคู่มือการใช้งานให้ใกล้กับอุปกรณ์ของคุณมากที่สุด
หรือจะให้ง่ายที่สุดก็คือเก็บไว้ในกระเป๋าใส่อุปกรณ์ถ่ายภาพของคุณ
เพื่อที่ว่าในบางครั้งหากเกิดปัญหากับอุปกรณ์
หรือลืมขั้นตอนการตั้งค่าในคำสั่งที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
คู่มือการใช้งานนี้จะเป็นสิ่งช่วยเหลือที่อยู่ใกล้มือคุณ
|
|
2. โปรแกรมถ่ายภาพอัตโนมัติไม่ใช้เครื่องอ่านความคิด
|
|
|
|
หลาย ๆ
ครั้งที่เราถ่ายภาพแล้วไม่ได้ภาพอย่างที่ใจเราต้องการ ทั้ง ๆ
ที่เราก็เปิดโปรแกรมการถ่ายภาพเป็นอัตโนมัติซึ่งน่าจะถ่ายภาพได้สวยสมใจนึกตามที่ผู้ผลิตกล้องแทบทุกยี่ห้อนำมาโฆษณา
หรือพยายามให้เป็น เนื่องจากการถ่ายภาพเป็นสิ่งที่ซับซ้อน
และเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่ง
เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรเป็นกฎตายตัวว่าต้องถ่ายภาพแบบนี้เท่านั้นถึงจะสวย
การใช้กล้องถ่ายภาพในโปรแกรมถ่ายภาพอัตโนมัติจึงไม่สามารถที่จะตอบสนองการถ่ายภาพได้ทุกกรณี
จริง ๆ
แล้วโปรแกรมการถ่ายภาพนี้เป็นเพียงผู้ช่วยที่จะคิดหาค่าที่เหมาะสมที่สุดที่กล้องถ่ายภาพจะคิดได้ออกมาถ่ายภาพให้คุณ
กล้องถ่ายภาพจะไม่ทราบเลยว่าคุณต้องการถ่ายภาพให้ออกมาในลักษณะใด
หรือต้องการเน้นจุดสำคัญของภาพไปที่ใด หากมีเวลาในการถ่ายภาพ
การปรับตั้งค่าโปรแกรมการถ่ายภาพไปในโปรแกรมถ่ายภาพเฉพาะที่ตรงกับสถานการณ์ที่จะถ่าย
หรือความต้องการของเรา เช่น โปรแกรมสำหรับถ่ายภาพบุคคล สำหรับถ่ายภาพวิว
สำหรับถ่ายภาพกลางคืน
|
|
3. ระวัง ISO Auto
|
|
|
|
กล้องถ่ายภาพรุ่นใหม่ ๆ มักมีค่า ๆ
หนึ่งที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คือค่า ISO หรือค่าความไวแสงที่กล้องสามารถบันทึกได้
ตัวเลขนี้ยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่าใด
ก็หมายความว่ากล้องตัวนั้นสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นมากเท่านั้น
เช่น ISO 400 กับ ISO 800 หากเราตั้งค่าของตัวกล้องที่ ISO 800 ก็จะทำให้เราถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่าตั้งค่าที่
ISO 400 เนื่องจากความไวแสงที่มากขึ้น
ก็จะทำให้ตัวกล้องใช้แสงน้อยลงในการสร้างภาพ
ระยะเวลาในการเปิดม่านชัตเตอร์เพื่อเก็บแสงก็เร็วขึ้น
ความเร็วชัตเตอร์ที่ใช้จึงสูงขึ้น ช่วยลดการสั่นไหวของภาพ
แต่สิ่งที่ผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพส่วนใหญ่มักไม่ได้บอกไว้ก็คือ ยิ่งค่า
ISO หรือค่าความไวแสงสูงมากขึ้นเท่าใด Noise
หรือสัญญาณรบกวนของภาพ
ซึ่งจากปรากฏออกมาเป็นเม็ดสีเล็ก ๆ บนภาพก็จะมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
Noise เหล่านี้จะลดทอนคุณภาพของภาพถ่ายของคุณลงไปได้อย่างหน้าใจหาย
จนบางครั้งภาพถ่ายที่ดีกลายเป็นแค่ภาพธรรมดา ๆ
ที่ดูเหมือนจะชัดไปอย่างหน้าเสียดาย
โดยเฉพาะเมื่อเราปรับตั้งค่าตัวกล้องในโปรแกรมถ่ายภาพอัตโนมัติ
ซึ่งกล้องถ่ายภาพส่วนใหญ่มักจะตั้งค่า ISO เป็น Auto ด้วยเช่นกัน
การตั้งค่า ISO เป็น Auto นี้จะทำให้ตัวกล้องปรับค่า ISO ให้เราเองในแต่ละภาพอย่างอัตโนมัติ
รวมถึงการดึงค่า ISO ให้สูงขึ้นทันทีเมื่อมีการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย
ซึ่งบ้างครั้งการทำกล้องถ่ายภาพให้นิ่งขึ้นก็เพียงพอที่จะถ่ายภาพได้โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มค่า
ISO ที่จะทำให้เสียคุณภาพของภาพ
ทางที่ดีจึงควรตั้งค่า ISO ให้ล็อคอยู่ที่ค่าใดค่าหนึ่ง
ซื่งส่วนใหญ่มักจะตั้งค่านี้ไม่ให้เกิน ISO 400 หรือค่า ISO สูงสุดที่กล้องถ่ายแล้วยังให้คุณภาพของภาพที่ดีอยู่
แต่โดยปกติแล้วกล้องถ่ายภาพจะให้ภาพที่ดีที่สุดที่ตัวกล้องทำได้เมื่อตั้งค่า
ISO ต่ำสุดของตัวกล้อง
|
|
4. ตั้งขนาดและคุณภาพของไฟล์ภาพ
|
|
|
|
การที่จะถ่ายภาพให้ได้ภาพที่ดี มีความคมชัด
คงเป็นไปไม่ได้เลยหากคุณยังตั้งค่าตัวกล้องของคุณอยู่ที่ความละเอียดต่ำสุด
หรือคุณภาพต่ำสุด
เพื่อที่จะให้ได้จำนวนภาพที่สามารถถ่ายได้เพิ่มขึ้น
หรือด้วยเหตุผลอื่นใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาราคาของ Memory เกือบทุกชนิดมีแต่ลดราคาลงมาอย่างตลอด
ทำให้ในปัจจุบัน Memory Card ความจุสูง ๆ
ไม่ใช้สิ่งที่เกินความจำเป็น
แต่หากเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะทำให้คุณสามารถถ่ายภาพดี ๆ
ได้มากขึ้น
การตั้งค่าขนาดและคุณภาพของไฟล์ภาพจึงไม่จำเป็นต้องลดคุณภาพลง
หรือลดขนาดของภาพลง ยกเว้นคุณจะมีจุดประสงค์เฉพาะ เช่น
การถ่ายภาพเพียงเพื่อนำไปแสดงบนเว็ปไซด์เท่านั้น
ทางที่ดีที่สุดคือการถ่ายภาพของคุณด้วยการตั้งค่าคุณภาพ
และขนาดสูงสุดที่กล้องของคุณจะสามารถถ่ายได้
|
|
5. ใช้แฟลชร่วมกับแสงธรรมชาติ
|
|
|
|
การถ่ายภาพท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นการถ่ายภาพที่ใช้แสงธรรมชาติเป็นหลัก
ทำให้นักถ่ายภาพหลาย ๆ คนลืมนึกถึงแฟลช
หรือลืมที่จะใช้แฟลชร่วมในการถ่ายภาพ
เนื่องจากคิดว่าแสงธรรมชาติก็เพียงพอแล้วสำหรับการถ่ายภาพ
หรือคิดว่าแสงแฟลชจะทำให้ภาพออกมาไม่สวยตามที่ต้องการ แต่หากศึกษาเรื่องการใช้แฟลชแล้ว
การใช้แฟลชร่วมกับแสงธรรมชาติก็สามารถให้ผลออกมาได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เช่น การถ่ายภาพบุคคลในแสงธรรมชาติ
วิธีที่ดีอย่างหนึ่งคือควรถ่ายย้อนแสงเพื่อให้เกิดแสงที่เรียกว่าริมไลท์รอบ
ๆ ตัวแบบ แต่การถ่ายย้อนแสงก็จะทำให้ใบหน้าของแบบมืดเนื่องจากอยู่ในบริเวณที่แสงส่องไม่ถึง
การใช้แสงแฟลชเข้าไปช่วงเปิดบริเวณเงาดำ
ก็จะทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ขึ้น
รวมถึงแสงแฟลชยังช่วยเปิดแววตาของตัวแบบ
ทำให้ภาพดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
|
|
6. ตั้งค่า White Balance ให้เหมาะสม
|
|
|
|
ค่า White Balance เป็นค่าสำหรับการปรับค่าสีของภาพให้ตรงกับความเป็นจริงในสภาพแสงที่แตกต่างกัน
เนื่องจากอุณหภูมิสีของแสงที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยมากมักจะตั้งค่านี้อยู่ที่ Auto White Balance ซึ่งกล้องในปัจจุบันก็มีความสามารถที่จะปรับตั้งค่า White
Balance ให้เหมาะสมกับสภาพแสงที่ถ่าย
และให้ค่าสีได้ดีพอสมควร
แต่หากเราต้องการบันทึกแสงในสภาพแสงธรรมชาติ
หรือสีที่เราเห็นในสภาพแสงนั้นจริง ๆ การปรับตั้งค่า White
Balance ด้วยตนเองย่อมจะดีกว่าการปล่อยให้กล้องถ่ายภาพคิดแทนเรา
เช่น การถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้น หรือตก ซึ่งมักมีสีสันของท้องฟ้าที่สวยงาม
แต่หากเราตั้งค่า White Balance ให้อยู่ในโหมดอัตโนมัติ
สีสันของท้องฟ้าเหล่านี้จะสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย
เนื่องจากตัวกล้องจะพยามปรับแก้สีให้ใกล้ค่ามาตรฐานของตัวกล้อง
ตามที่ตัวกล้องคิดได้
|
|
7. เช็คค่าที่ตั้งก่อนถ่าย
|
|
|
|
ข้อดีของกล้องถ่ายภาพแบบดิจิตอลก็คือ
สามารถตั้งค่าต่าง ๆ ได้มากมายเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
และแบบที่ต้องการถ่าย แต่การตั้งค่าเหล่านี้ก็ง่ายต่อการสับสน
และหลงลืม เช่น การตั้งค่า White
Balance ไว้ในสภาพแสงก่อนหน้า
ซึ่งแตกต่างจากสภาพแสงที่กำลังจะถ่าย หรือการตั้งค่า ISO ที่สูงเกินไปจากการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมาก่อน
การตั้งค่าชดเชยแสงทิ้งไว้ รวมถืงการตั้งค่ารูปแบบสีของภาพทิ้งไว้
เช่น การตั้งค่าสีสำหรับถ่ายภาพธรรมชาติมาใช้ในการถ่ายภาพคน
วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ก็คือ
การตั้งค่ากลับไปศูนย์ค่ามาตรฐานทุกครั้งหลังการถ่ายภาพ
และการเช็คค่าต่าง ๆ ก่อนทำการกดชัตเตอร์
ซึ่งจะทำให้คุณไม่สูญเสียภาพจากความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อยนึ้
|
|
8. คิดก่อนลบภาพ
|
|
|
|
ภาพหลาย ๆ ภาพอาจดูไม่ดีเมื่อดูจากตัวกล้อง
แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยขั้นตอนการตกแต่งภาพภายหลัง เช่น
การปรับแก้แสงให้สว่าง หรือมืดมากขึ้น
การเปิดส่วนมืดของภาพด้วยเครื่องมือในโปรแกรมแต่งภาพ หรือการ crop ภาพเพื่อจัดองค์ประกอบของภาพใหม่
และตัดส่วนที่ไม่ต้องการของภาพทิ้งไป
การลบภาพที่เราเห็นว่าไม่ดีโดยทันทีจึงอาจเป็นการทำให้สูญเสียภาพนั้นไปอย่างน่าเสียดาย
|
|
9. สำรองข้อมูล
|
|
|
|
คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่หากคุณพบว่าไฟล์ภาพถ่ายของคุณเสียหาย
หรือสูญหายไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วคุณไม่มีไฟล์ข้อมูลสำรองเก็บไว้
ในยุคของดิจิตอลสิ่งต่าง ๆ จับต้องได้น้อยลง รวมถึงภาพถ่ายของคุณ
การเสียหาย หรือสูญหายของไฟล์ภาพเกิดได้ง่ายขึ้น
การกดปุ่มผิดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้คุณสูญเสียภาพถ่ายของคุณไป
ถึงแม้ว่าจะมีหลาย ๆ
วิธีการที่จะสามารถกู้ข้อมูลไฟล์ภาพของคุณกลับขึ้นมาได้
แต่ก็ไม่มีวิธีใดเลยที่จะได้ผลถึง 100% ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บรักษาภาพถ่ายที่มีค่าของคุณ
คือการสำรองข้อมูล หรือ copy ไฟล์ภาพของคุณไว้ในสื่อบันทึกข้อมูลแบบอื่น
ๆ และเก็บแยกกันไว้ ในงานสำคัญ ๆ
ควรทำการสำรองข้อมูลทันทีที่ทำการถ่ายภาพเสร็จเพื่อป้องกันความผิดพลาด
โดยอาจจะบันทึกภาพของคุณลงบนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพา หรือทำการ copy
ไฟล์ภาพของคุณลงเครื่องคอมพิวเตอร์
ในขั้นตอนการตกแต่งภาพควร copy ข้อมูลต้นฉบับ
และทำการเก็บไว้แยกต่างหากจากข้อมูลไฟล์ภาพชุดที่ต้องการทำการตกแต่ง
เนื่องจากหากเกิดข้อผิลพลาด เช่น การ save ภาพโดยไม่ได้ตั้งใจ
คุณก็ยังมีไฟล์ต้นฉบับให้นำมาใช้ได้อยู่
|
|
10. รักษาความสะอาด
|
|
|
|
อุปกรณ์ถ่ายภาพเป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องการความสะอาดเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะบริเวณหน้าเลนส์ และช่องมองภาพ
รวมถึงเซ็นเซอร์รับภาพสำหรับกล้อง D-SLR ฝุ่นหรือรอยเปื้อนเพียงนิดเดียว
อาจทำให้ภาพสำคัญของคุณด้อยลงไปอย่างน่าเสียดาย
การทำความสะอาดอุปกรณ์ถ่ายภาพของคุณอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยอุปกรณ์ที่เหมาะสมจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
สำหรับกล้อง D-SLR ที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้
การเปลี่ยนเลนส์ทุกครั้งเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะทำให้ฝุ่นเข้าไปตกอยู่บนเซ็นเซอร์รับภาพมากขึ้น
ซึ่งฝุ่นเหล่านี้จะทำให้เกิดจุดสีดำบนภาพ โดยเฉพาะเมื่อถ่ายภาพพื้นที่ที่มีความสว่าง
เช่น การถ่ายภาพท้องฟ้า
การถอดเปลี่ยนเลนส์จึงควรทำในที่ที่มีฝุ่นน้อย
หรือบริเวณที่ไม่มีลมแรง ในกล้อง D-SLR รุ่นใหม่
ๆ มักจะมีระบบช่วยกำจัดฝุ่นบนตัวเซ็นเซอร์
การเปิดระบบนี้ให้ทำงานตลอด
หรือทำงานโดยอัตโนมัติจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย
แต่จะเป็นการลดโอกาสที่จะทำให้ภาพของคุณลดคุณภาพโดยไม่ได้ตั้งใจ
การทำความอุปกรณ์ถ่ายภาพนอกจากจะเป็นการป้องกันการลดคุณภาพของภาพแล้ว
ยังเป็นวิธีที่จะช่วยยืดอายุอุปกรณ์ถ่ายภาพให้อยู่กับคุณไปอีกนาน
http://www.the-than.com/Gallery/ZphotoZ/27.html
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|